นับว่าปี63 ที่ผ่านมาเป็นปีทองของเพชรมรกตเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ต้นปีเจ้าตัวก็สามารถจารึกชื่อของตัวเองเข้าทำเนียบแชมป์โลก วัน ชาวไทยเป็นลำดับที่ 7 ในประวัติศาสตร์ ก่อนจะป้องกันตำแหน่งได้อีกสองครั้ง
เมื่อถามถึงความสุขที่สุดของเพชรมรกตในปีนี้ เจ้าตัวตอบว่าคงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากการที่เขาได้เข็มขัดแชมป์โลก วัน มาครอบครอง ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของนักกีฬาอาชีพคนหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จบนสังเวียนระดับโลก!
ไฟต์แรกและเป็นไฟต์สำคัญตั้งแต่ต้นปี 2563 กับการขึ้นชิงบัลลังก์แชมป์โลก วัน มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (70.3 กก.) ที่ว่างอยู่ โดยเพชรมรกต ซึ่งช่ำชองสังเวียนมาแล้วถึง 7 ไฟต์ เปิดศึกสายเลือดกับนักชกไทยหน้าใหม่อย่าง “พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ในศึก ONE: WARRIOR’S CODE ณ ประเทศอินโดนีเซีย
ตลอดการชิงชัยทั้งห้ายกเพชรมรกต คว้าชัยชนะไปด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ในกติกามวยไทยที่ถนัดภายใต้พิกัดน้ำหนักของตัวเอง แม้นักมวยขัดตาทัพอย่าง พงษ์ศิริ จะพ่ายแพ้ความใหญ่และการเตรียมตัวที่น้อยกว่า แต่ก็ได้รับกำลังใจและศรัทธาจากแฟนๆทั่วโลก และแม้กระทั่งตัวเพชรมรกตเองก็ยังเอ่ยปากนับถือหัวจิตหัวใจของคู่ต่อกรรายนี้
หลังจากได้นั่งบัลลังก์แชมป์โลก เพชรมรกตต้องร้างเวทีไปร่วม 5 เดือนจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ก่อนจะได้กลับมาขึ้นสังเวียนป้องกันตำแหน่งครั้งแรกในบ้านเกิด เมื่อ 31 กรกฎาคม 2563 ในศึก ONE: NO SURRENDER
การเผชิญหน้ากับตำนานผู้ยิ่งใหญ่ “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” ซึ่งชื่อชั้นและบารมีทำให้เพชรมรกตจำต้องยำเกรง แต่เมื่ออยู่บนเวทีต่างฝ่ายต่างใส่กันเต็มที่ ก่อนจะเบียดชนะคะแนนเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆที่ไม่ถูกใจฟอร์มการชกของเพชรมรกต ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาน้อมรับทุกคำติชมเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข
“ผมจะพัฒนาฝีมือการชกของตัวเองให้ดีขึ้นครับ ทำร่างกายให้แกร่งขึ้น ต้องคล่องแคล่วว่องไวขึ้นให้ได้ครับ”
ไม่ต้องรอให้ถึงปีหน้าการป้องกันแชมป์โลกครั้งที่ 2 ก็ตามมาติดๆ ในวันที่ 18 กันยายน 2563 ในศึก ONE: A NEW BREED III เพชรมรกต เปิดบ้านรับการมาเยือนของผู้ท้าชิงของ “แม็กนัส แอนเดอร์สัน” ซึ่งมาฝึกซ้อมมวยอยู่ในประเทศไทย
ไฟต์นี้เพชรมรกตเร่งเครื่องเต็มพิกัดตั้งแต่ยกแรกชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม หวังเรียกคะแนนความนิยมจากแฟนๆด้วยฟอร์มที่เฉียบขาด และเขาก็ทำได้สำเร็จด้วยการซัดหมัดผู้ท้าชิงพ่ายทีเคโอ. ปิดเกมไวในยกที่ 3 ได้ใจคนดูไปเป็นกอง
ตลอดปีนับว่าเป็นปีทองของเขาตั้งแต่คว้าแชมป์โลก วัน มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ได้ตั้งแต่ต้นปี และยืนหยัดรักษาเข็มขัดของตัวเองได้ถึงสองครั้ง และในปีนี้ยังมีความท้าทายจากผู้ท้าชิงอีกมากมายที่รอเขาอยู่ เพราะนักชกในรุ่นนี้แต่ละคนเดือดๆทั้งนั้น
“ถ้าโควิดหายไป ผมก็อยากจะออกไปลุยศึกนอกบ้านในหลายๆประเทศ อยากให้คนดูทั่วโลกมีโอกาสได้เห็นฝีมือการชกที่ผมตั้งใจจะพัฒนาให้ดีขึ้นแบบติดขอบสังเวียนในทุกๆที่ครับ”
ติดตามทุกเรื่องราว ข่าวใหม่ๆได้ที่ >>>r1champion<<<
