มวยสากลไทย เล็ง “ฉัตร์ชัยเดชา” เป็นสตาฟฟ์โค้ชลุยโอลิมปิกเกมส์ 2024
มวยสากลไทย เล็ง “ฉัตร์ชัยเดชา” สมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมกำปั้นไทยชุดโตเกียวเกมส์ 2020 เล็ง ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เป็นสตาฟฟ์โค้ชมวยสากล ลุยโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส
ความเคลื่อนไหวทีมมวยสากลทีมชาติไทย ที่กำลังเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น ทั้ง 4 รายประกอบด้วย รุ่น 57 กก. ชาย “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี, รุ่น 51 กก. หญิง “น้องเฟี้ยว”จุฑามาศ จิตรพงศ์, รุ่น 60 กก. หญิง “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี และ รุ่น 69 กก.หญิง “น้องครีม” ใบสน มณีก้อน ภายใต้การคุมเข้มของ “บิ๊กชาย”สมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีม และ 3 สตาฟฟ์โค้ช กามนิตย์ นารีรักษ์, ชัยชุมพล ชำนาญมาก และ เพิก พึ่งปัญญา ล่าสุดวันที่ 22 ก.ค. ขุนพลกำปั้นทั้ง 4 คนยังซ้อมเข้มภายในหมู่บ้านนักกีฬา ด้วยการทบทวนเชิงและควบคุมน้ำหนัก
หลังการฝึกซ้อม “โค้ชแซม” กล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนพร้อมเกินร้อยในการสู้ศึกโตเกียวเกมส์ครั้งนี้ แม้สถานการณ์ทั่วไปที่ทั่วโลกต้องเจอกับวิกฤติของไวรัสโควิด-19 จนทำให้การฝึกซ้อมอาจไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไร แต่ก็ไม่ได้สร้างความวิตกหรือทำให้ทุกคนขาดความมั่นใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้ทุกคนมีความฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ทุกคนอยากขึ้นสังเวียนแล้ว เนื่องจากมีความตั้งใจอย่างมากเพื่อที่จะคว้าเหรียญเพื่อสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวไม่มีปัญหาทุกคนสามารถควบคุมได้ตามแผนที่วางไว้
ด้าน “บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมกำปั้นไทยชุดสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 และประธานเทคนิคสมาคมกีฬามวย เปิดเผยว่า “หลังจากจบการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว สมาคมกีฬามวยฯ ยังเดินหน้าต่อเนื่องทั้งเรื่องการเตรียมนักกีฬาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรายการสำคัญ โดยเฉพาะซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ที่เลื่อนการแข่งขันเป็นปีหน้า 2565 รวมไปถึงรายการนานาชาติเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับนักชกหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว”
“สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถือว่ามีเวลาไม่มากเท่าไร เนื่องจากโอลิมปิกเกมส์ 2020 ต้องขยับการแข่งขันจากเดิม ทำให้เหลือเวลาแค่ 3 ปีเท่านั้นก็จะถึงปารีสเกมส์ 2024 แล้ว ดังนั้นหากทีมมวยสากลไทยอยากสมหวังได้เหรียญทอง ต้องมีการเตรียมการอย่างต่อเนื่องและพร้อมมากกว่านี้ โดยเฉพาะการส่งไปแข่งขันในรายการระดับนานาชาติให้มากที่สุดเพื่อให้ทุกคนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่”
“นอกจากนี้ตนก็มีแนวคิดที่จะดึง “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี นักชกรุ่นเก๋าที่กำลังจะปลดระวางหลังจากจบ “โตเกียวเกมส์ 2020” มาร่วมเป็นสตาฟฟ์โค้ช เพราะ “เจ้าสด” เป็นนักชกฝีมือดี มีระเบียบวินัย มีประสบการณ์ในเวทีนานาชาติอย่างมากมาย และเป็นที่ยอมรับของนักชกรุ่นน้อง แต่ทั้งนี้อยู่กับตัวเขาเองว่าจะสนใจหรือเปล่า” บิ๊กชาย กล่าวตอนท้าย