แสตมป์ เผยช่วงชีวิต สูงสุดสู่สามัญ จุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้ว่า “ใคร” อยู่เคียงข้างเธอ

แสตมป์ เผยช่วงชีวิต สูงสุดสู่สามัญ สูงเสียดฟ้ากลับสู่รากหญ้า อดีตแชมป์โลกสาวระยองผู้เกรียงไกร “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เปิดใจช่วงชีวิตที่เจอวิกฤติหนักหนาที่สุด ทั้งเรื่องงานและความรัก แต่จุดเปลี่ยนทำให้เธอมองเห็น “เพื่อนแท้” และรู้ว่าใครที่อยู่เคียงข้างเธอในวันตกต่ำ

ณ วันนี้วงการกีฬาการต่อสู้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เด็กสาวชาวระยอง วัย 23 ปี ผู้เดินตามความฝันด้วยความมุ่งมั่นจนสามารถสร้างประวัติศาสตร์การเป็นนักสู้หญิงคนแรกและคนเดียวของโลกที่ครองแชมป์โลกสองประเภทกีฬาการต่อสู้ คือ มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง บนเวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ ขึ้นแท่นนักกีฬาหญิงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของไทย

ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมปี 2561 แสตมป์ ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่บนสังเวียน ด้วยการกำราบ “ไค่ ถิง ฉวง” แชมป์โลกสาวชาวจีน-ไทเป กระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต มาครองได้สำเร็จ ต่อมาไม่นานก็คว้าเข็มขัดเส้นที่สองหลังเอาชนะ “เจเน็ต ทอดด์” คู่ชิงสาวจอมแกร่งลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน นั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ครองตำแหน่งนักกีฬาการต่อสู้หญิงสองประเภทกีฬาคนแรกและคนเดียวของโลก

เมื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดและแล้ว แสตมป์ ก็คืนสู่สามัญ โดยหนึ่งปีให้หลังที่นอนกอดเข็มขัดสองเส้น แสตมป์ ต้องเผชิญกับฝันร้ายโดยถูกอริเก่า เจเน็ต ทอดด์ กระชากเข็มขัด คิกบ็อกซิ่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นอีก 6 เดือนต่อมา แสตมป์ ก็ต้องใจสลายเมื่อเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทยที่เหลืออยู่เส้นสุดท้ายปลิวไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือของนักสู้น้องใหม่ “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส”

การเสียเข็มขัดแชมป์โลก ONE สองเส้นในเวลาไล่เลี่ยกัน บวกกับปัญหาส่วนตัวเรื่องหัวใจที่รุมเร้าเข้ามาประเดประดัง ทำให้ช่วงปีนั้น แสตมป์ ยอมรับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตจนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอมองเห็นสัจธรรมของชีวิต

“ตอนที่เสียแชมป์ รู้สึกเลยว่าตัวเองได้รับความสนใจน้อยลงค่ะ จากที่ไปไหนมาไหนมีคนพูดถึงว่าเป็นแชมป์โลกสองเข็มขัด ตอนนี้ก็แผ่วลง การเสียเข็มขัดมันเป็นเรื่องงาน เรื่องความรักมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทั้งสองเรื่องก็เกือบทำให้ แสตมป์ เอาตัวไม่รอดเหมือนกันค่ะ ยอมรับว่ามันหนัก”

สิ่งที่ แสตมป์ ต้องเผชิญหน้ามันหนักหนาสาหัสกว่าหญิงสาววัย 23 ปีทั่วไป ไหนจะเรื่องงาน เรื่องหัวใจ ภาระหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ค่าย และในฐานะตัวแทนประเทศไทย อย่างไรก็ตามแม้ความเจ็บซ้ำซากจะเล่นงานเธอหนักในช่วงนั้นแต่ แสตมป์ กลับยืนยันว่า มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต

“สำหรับ แสตมป์ ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต คือ ช่วงที่เราสูญเสียค่ะ ตอนที่เรามีชื่อเสียง มีทุกอย่าง มีคนรอบข้างเต็มไปหมด แต่ตอนที่เราไม่เหลืออะไรเลย ทั้งเข็มขัดและความรัก เราได้รู้ว่าใครอยู่ข้างเราบ้าง ใครจริงใจกับเราบ้าง เราได้มองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น”

ถามว่าไม่มีเข็มขัดแล้วกดดันไหม เราก็ไม่กดดันนะคะ เพราะตอนนี้เราอยู่ในแรงกิงอันดับ 1 ซึ่งยังไงเราก็ต้องเจอกับแชมป์อยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือพัฒนาตัวเอง แก้ไขจุดบกพร่อง ต้องให้กำลังใจตัวเอง ข้างหน้ายังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะ และยังมีคนรอบข้างที่คอยพูดให้กำลังใจทุกวัน ทั้งที่ค่าย และครอบครัว ทุกคนบอกว่าเราต้องกลับมา แม้จะต้องใช้เวลา แต่เราก็ต้องก้าวผ่านจุดนั้นให้ได้ค่ะ”

หลังจากผ่านมรสุมครั้งใหญ่ของชีวิต แสตมป์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอยังคงยืนหยัดพร้อมเดินหน้าล่าเป้าหมายต่อไป แสตมป์ ภาคใหม่ปี 2564 มาพร้อมกับความแข็งแกร่งทั้งกายและใจ มีเป้าหมายคือเข็มขัดแชมป์โลกเส้นใหม่ในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน และทวงคืนเข็มขัดสองเส้นเดิมที่เธอเคยเห็นเจ้าของ ตราบใดที่ยังมีหัวใจนักสู้ จะแพ้สักกี่ครั้ง ก็ต้องลุกขึ้นสู้ และเชื่อว่าแฟน ๆ จะเป็นกำลังใจให้นักสู้สาวระยองคนนี้ไปยาว ๆ

สนใจอ่านข่าวเพิ่มเติม: r1champion.com

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here